เป็นที่รู้กันว่าสุดยอดผลิตภัณฑ์ในธุรกิจเครือข่ายนั้นสามารถจะนำไปขายปลีกให้แก่ลูกค้า และสร้างผลกำไรที่ดีได้ แต่ก็มีคำถามว่า ทำไมนักธุรกิจเครือข่ายส่วนใหญ่ ไม่เน้นการขายให้มากขึ้น? ทั้งๆที่เป็นหนทางนำมาซึ่งรายได้ และเป็นเสริมความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายในระยะยาว หลังจากวิเคราะห์มีข้อคิดเห็นและข้อแนะนำดังนี้ครับ
1. ขาดความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของตัวเอง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการได้มีโอกาสทดลองใช้สินค้าด้วยตัวเองในแต่ละรายการ หากนักธุรกิจเครือข่ายลองใช้สินค้าชนิดใดแล้วพบว่าได้ผลดี ก็จะเกิดความมั่นใจในการนำเสนอขาย วิธีการทดลองใช้เองจัดเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการพัฒนาระดับความเชื่อมั่นต่อผลิตภัณฑ์ที่จะเสนอขาย และยังเข้าใจทุกอย่างเกี่ยวกับสินค้าอีกด้วย นอกจากวิธีนี้นักธุรกิจเครือข่ายอาจต้องหาเวลาในการศึกษารายละเอียดต่างๆของผลิตภัณฑ์ให้รอบด้าน เพื่อความมั่นใจและดูเป็นมืออาชีพ
เมื่อต้องเสนอขาย
2. ผลิตภัณฑ์ในธุรกิจเครือข่ายส่วนใหญ่มีราคาค่อนข้างสูง ซึ่งนี่เป็นปัญหาของธุรกิจประเภทนี้ ที่ค่าการตลาดรวมทั้งผลตอบแทนสมาชิกจะถูกนำไปคำนวณร่วมในราคาของผลิตภัณฑ์ ดังนั้นจึงทำให้เกิดความยากขึ้นเล็กน้อยในการนำเสนอขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจเครือข่ายนั้นไม่เหมาะนักสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อคราวละมากๆ เพื่อหวังส่วนลดและนำไปจำหน่ายต่อ เนื่องจากระบบของธุรกิจเครือข่ายไม่ได้ตั้งกลุ่มเป้าหมายไว้ในแนวทางนี้ อย่างไรก็ตามยังมีลูกค้ารายย่อยที่ต้องการซื้อปลีกอยู่อีกมาก หาก
เลือกแนวทางของธุรกิจเครือข่ายก็ควรตัดประเด็นของการนำเสนอขายลูกค้ากลุ่มนั้นไปก่อนโดยทำความเข้าใจว่า ธรรมชาติของธุรกิจเครือข่ายไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสำหรับนำไปจำหน่ายให้กับลูกค้าที่หวังนำไปจำหน่ายต่อแบบธุรกิจปกติ และแน่นอนครับบางท่านอาจค้านในใจว่า ทำได้สิ! โดยเสนอลดราคาให้ตามความเป็นไปได้จากการหั่นโบนัสที่เราจะได้รับจากบริษัทฯ อันนั้นก็แล้วแต่ครับ แต่มันผิดกฏจรรยาบรรณของธุรกิจของท่านหรือเปล่าก็ดูหน่อยครับ เราเรียกวิธีการอย่างนั้นว่าการขายตัดราคา ซึ่งสร้างปัญหา และภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อธุรกิจของท่านเอง
3. นักธุรกิจเครือข่ายทุกคนรู้ว่าโบนัสที่จะได้จากการแนะนำสมาชิกใหม่สร้างโบนัสมากกว่า และอาจง่ายกว่า และมองว่าการเสนอขายผลิตภัณฑ์เป็นงานที่ยุ่งยากและเสียเวลามากกว่า ทุกคนจึงมุ่งแนะนำสมาชิกใหม่และไม่เน้นการขาย ไม่เป็นไรครับยังไม่ต้องรีบ ผู้เริ่มธุรกิจใหม่ๆควรสร้างเครือข่ายให้เยอะๆไว้ก่อนนั่นถูกแล้วครับ แต่อย่าลืมว่า หากไม่มีการทดลองใช้สินค้า คุณจะเสนอขายใครไม่ได้ บางคนที่คุณไปพบอาจอยากซื้อสินค้าใช้เพราะยังไม่เห็นความเป็นไปได้ของธุรกิจ และอันที่จริงแล้วการนำเสนอ ธุรกิจจะต้องมีคำถามจากผู้มุ่งหวังแน่ๆว่า สินค้าคืออะไร? , สินค้าดีอย่างไร? , สินค้าราคาเท่าไหร่? นี่ก็คือการนำเสนอขายชนิดหนึ่งเหมือนกัน
4. ปัญหาเรื่องอุปนิสัยและความถนัดในการเจรจา หลายๆคนขาดทักษะในการเจรจา และไม่มีเครือข่ายสายสัมพันธ์ในมืออีกด้วย จึงทั้งไม่รู้จะขายใคร และไม่รู้จะพูดยังไง คงต้องแก้ด้วยการฝึกฝน และพยายามทำ ส่วนที่อยากแนะนำก็คือ ในยุคนี้ใครไม่เล่น Internet นี่ต้องบอกว่าน่าเสียดายครับ นักธุรกิจเครือข่ายจำนวนมากไม่ใช้ Internet จึงไม่ได้ใช้ประโยชน์จากโอกาสทางการตลาดใน Internet โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการขายสินค้าแบบจัดส่งให้ไม่ต้องเดินทางมาซื้อ ซึ่งวันนี้คุณสามารถได้รับสินค้าที่ดีเพียงสั่งซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ของบริษัทต่างๆ และคุณก็สามารถทำได้เช่นกันหากผู้ที่เข้าชมเว็บไซต์สนใจสินค้าคุณก็มีโอกาสที่ดีในการทำการขายโดยใช้เวลาไม่มากและสร้างกำไรขายปลีกได้ทันที เพียงคุณต้องเรียนรู้และมีทักษะในการเจรจาเบื้องต้นดัวย อย่างไรก็ตามยังมีช่องทางการตลาดอีกมากที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ เพียงคุณเลือกช่องทางที่ถูกต้อง คุณก็จะสามารถขายได้ เพียงแต่ Internet เป็นช่องทางการตลาดที่ใช้งบประมาณต่ำมากเมื่อเทียบกับช่องทางอื่น นองจากนี้บริการ Social Network ต่างๆก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากสำหรับการตลาดยุคใหม่ครับ ห้ามพลาดทีเดียวเชียว
นักธุรกิจเครือข่ายหลายๆท่านยังไม่เห็นความสำคัญของการขายปลีก เพราะมองเพียงว่าขายปลีกมันจะสร้างรายได้ไปสักเท่าไหร่กันเชียว "ผมอยากจะแนะนำว่า อย่างน้อยที่สุด ผู้นำทีมควรมีการแนะนำหรือให้วิธีการแก่สมาชิกในทีมของคุณ ให้สามารถขายสินค้าได้จริงๆบ้างตามความสามารถของเขาโดยไม่กดดัน ทั้งนี้เพื่อจะทำให้ เขาเหล่านั้นมีเครื่องผ่อนแรงในการรักษายอด และสามารถสร้างคะแนนกลุ่มให้มากขึ้นได้ อันจะนำมาซึ่งโบนัสที่มากขึ้นหลายเท่าตัวจากการขายปลีกอีกด้วย เท่ากับได้ถึง 3 เรื่องในการทำเรื่องเดียวครับ"
ขอให้ประสบความสำเร็จทุกท่านครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หลังจากอ่านบทความนี้แล้ว คุณมีอะไรจะกล่่าวเสริมหรือบอกเล่าอะไรสักนิดไหมครับ?