ก่อนจะพูดถึงเรื่องอื่น เพื่อเป็นการทำความรู้จักกันผมขอกล่าวอะไรก่อนสักเล็กน้อยครับ โดยส่วนตัวแล้วผมมีโอกาสได้รับฟังวิชาการจากนักพูด นักวิชาการด้านการตลาดที่มีชื่อเสียงในประเทศมามากพอสมควร ทั้งฟังด้วยตนเองในงานสัมนา รับฟังผ่าน TAPE , CD หรือ VCD ของท่านวิทยากรเหล่านั้นอยู่เนืองๆ หรือแม้กระทั่งฟังผ่านไฟล์บันทึกเสียงของเพื่อนผู้หวังดีที่นำมามอบให้ในบางโอกาสที่ผมติดภาระกิจไม่สามารถเข้าร่วมสัมนาได้ และนอกจากนั้นในด้านธุรกิจเครือข่ายก็มียอดฝีมือ และผู้ประสบความสำเร็จมาบรรยายเทคนิคต่างๆให้ฟังอยู่เนืองๆ และบางท่านก็ได้นำเทคนิคของนักการตลาดชื่อดังของต่างประเทศมาแตกประเด็น เสริมมุมมองของตนเอง หรือบางท่านก็มีวิธีคิดวิธีปฏิบัติที่รังสรรค์จากความถนัดเฉพาะตัว หลายๆท่านสร้างความประทับใจจนยากจะลืม และบางโอกาสผมก็นำมาเป็นประโยคเด็ด วลีทอง มาสนทนากับเพื่อนร่วมธุรกิจอยู่เป็นประจำจนกลายเป็นแหล่งข้อมูลหรือที่ปรึกษาของเพื่อนผู้ร่วมธุรกิจหลายๆท่านไปโดยปริยาย อีกทั้งยังมีโอกาสได้ร่วมงานหลังฉากของบริษัทที่ประกอบธุรกิจเครือข่ายมายาวนานหลายปี นับเป็นโอกาสดียิ่งที่ได้รับประสบการณ์ตรงอย่างเข้มข้น
ในทุกๆวันที่พบเห็นเรื่องราวต่างๆ ผมมักนำมาคิดและเพิ่มมุมมองอยู่เสมอๆ และเช่นเดียวกันกับเรื่องสดๆร้อนๆของวันนี้ (วันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม 2008) ผมมีโอกาสได้ไปร่วมงานสัมนาวิชาการทางการตลาดที่ดีมากๆงานหนึ่ง แล้วก็เกิดมุมมองใหม่ๆ มานำเสนอให้ท่านผู้อ่านเป็นการเบิกฤกษ์เป็นบทความแรกเสียเลยครับ งานสัมนานี้จัดโดย Results Plus International ชื่อว่า "สัมนาพิเศษ เคล็ดลับสู่ความสำเร็จของสุดยอดนักขายระดับโลก" ซึ่งบรรยายโดยคุณ JOE GIRADE และ คุณ BLAIR SINGER ซึ่งโดยประวัติคร่าวๆของทั้งสองท่านนี้ก็ทำให้ผมรู้สึกว่าพวกเขาเป็นบุคคลระดับโลกที่น่าทึ่งมากทั้งบุคคลิกความสามารถและความสำเร็จของทั้งสองท่าน สำหรับเนื้อหาเน้นไปในทางให้กำลังใจและแนะนำเทคนิคต่างๆใน "การขาย" รวมถึงคำแนะนำในการฝึกทักษะ "การขาย" ทำให้ผมต้องย้อนกลับมามองที่ธุรกิจเครือข่ายแบบไทยๆของเราที่ไม่ค่อยเน้นการขาย และผู้ร่วมธุรกิจส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างหน้าบาง หรือค่อนข้างจะเขินอาย เกรงกลัวการขาย และกลัวข้อโต้แย้งและคำปฏิเสธอย่างมาก จนมีเรื่องตลกว่าสำหรับบางคนถ้าให้ไปขายล่ะก็ ส่งไปลงนรกซะดีกว่าอะไรทำนองนั้น ข้อดีก็คือทำให้มีการนำเอาระบบช่วยสำเร็จเข้ามาใช้กันมากมาย และหลายๆรายก็แนะนำธุรกิจด้วยคำว่า "ไม่ใช่งานขาย" บ้างล่ะ หรือไม่ก็ "สำเร็จได้โดยไม่ต้องขาย" บ้างล่ะ เพื่อหวังให้ผู้มุ่งหวังของเราพอจะใจชื้นขึ้นบ้าง และคาดหวังว่าเมื่อเข้าสู่ธุรกิจเขาจะไม่ต้องไปทำการขายอะไรเลยเพราะมันน่ากลัวมากในความรู้สึกของเขา และในที่สุดเมื่อเข้าสู่ระบบธุรกิจจริงๆก็จะพบว่าแม้แต่คนที่บอกว่า "ไม่ต้องขาย" ก็ยังทำการขายให้เห็นอยู่ดีใช่หรือไม่ครับ เพียงแต่เขาไม่ได้เรียกว่างานขายแต่เรียกว่า "การแนะนำธุรกิจ" หรือไม่ก็เรียกว่า "การนำเสนอธุรกิจ" หรือ "การเปิดโอกาสทางธุรกิจ" ก็แล้วแต่จะเรียกครับ อันนี้แสดงว่ามองต่างมุมกันจริงไหมครับ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเป็นประจำและไม่ใช่เรื่องที่ผิดหรือว่าเป็นการหลอกลวงอะไรหรอกนะครับ ถ้าเขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ และระบบช่วยสำเร็จเหล่านี้ก็เป็นเครื่องมือที่ดีมากๆนะครับและใช้ได้จริงๆด้วย แต่เครื่องมือก็คือเครื่องมือครับไม่ใช่ว่ามันจะทำงานแทนเราได้ทั้งหมด และหากขาดทักษะและความเข้าใจแล้วล่ะก็จะให้เกิดประโยชน์มากมายตามที่ต้องการนั้นเห็นจะยากอยู่สักหน่อย ดังจะเห็นได้ว่าบางท่านมีเครื่องมือเหมือนกันหรือดีกว่าแต่ความสำเร็จกลับน้อยกว่าก็มีให้เห็นอยู่มากมายจริงไหมครับ (สำหรับเครื่องมือหรือระบบช่วยสำเร็จเหล่านี้ผมจะนำมาเสนอให้ท่านได้ทราบกันในโอกาสหน้าครับ)
เอาล่ะครับผมอยากจะชวนท่านผู้อ่านมาลองคิดดูว่า โลกนี้คือโรงละครโรงใหญ่ และโลกทุกวันนี้เต็มไปด้วยการขาย ท่านซึ่งอยู่ในโลก มีบทบาทที่จะต้องแสดงอยู่สองบทบาทไม่ว่าท่านจะชอบหรือไม่ก็ตาม คือ "เป็นผู้ขาย" หรือไม่ก็ "เป็นผู้ซื้อ" ท่านเห็นด้วยไหมครับ หากเรานิยามว่า การขาย คือ การที่ "ผู้ขาย" นำเสนอสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้แก่ "ผู้ซื้อ" เพื่อให้ผู้ซื้อยอม "จ่าย" สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ผู้ขายต้องการ แล้วล่ะก็ เราจะพบว่าแม้ว่าบางครั้งเราจะไม่เรียกว่าการขาย แต่หากแยกเรื่องราวออกมาก็คือการขายนั่นเองเพียงอยู่ในรูปแบบที่ต่างกันออกไป เช่น
ตัวอย่างที่ 1 : เมื่อท่านไปสมัครงาน สิ่งที่ท่านทำก็คือ นำเสนอเวลาและความสามารถของท่านเพื่อให้นายจ้างยอม "ซื้อ" และ "จ่าย" เงินเดือนให้ท่านเป็นสิ่งตอบแทน แบบนี้เข้านิยามของการขายไหมครับ
ตัวอย่างที่ 2 : ในวันหยุด เมื่อท่านตัดสินใจว่าจะใช้เวลาในวันหยุดไปเที่ยวทะเล แต่คู่ชีวิตของท่านกลับเลือกที่จะพักผ่อนอยู่กับบ้าน จะพบว่าฝ่ายที่ชนะก็คือฝ่ายที่ นำเสนอเหตุผลของตนเองเพื่อให้อีกฝ่ายยอมรับ "ซื้อ" และ "จ่าย" การยินยอมทำตามเหตุผลนั้น และแม้บางครั้งเหตุผลอาจไม่สามารถทำให้เกิดการ "ซื้อ" ก็อาจต้องมีการเสนอเงื่อนไขหรือโปรโมชั่นที่น่าสนใจให้กันอีกด้วย แบบนี้เข้านิยามของการขายไหมครับ
ดังนั้นท่านจะเห็นว่าการซื้อและการขายเกิดขึ้นตลอดเวลาทุกครั้งที่ท่านมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นไม่ว่าใครก็ตาม หากท่านไม่ซื้อท่านก็ต้องขาย และแม้บางครั้งท่านเป็นผู้ถูกเสนอขายแต่ท่านเลือกที่จะไม่ซื้อ ท่านก็จะต้องนำเสนอให้อีกฝ่ายยอมรับว่าท่านไม่สามารถซื้อได้ ก็คือการขายรูปแบบหนึ่งนั่นเอง เพื่อนนักธุรกิจที่รักครับ หาก "การขาย" เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และการขายเกี่ยวข้องโดยตรงกับรายได้ของท่าน เมื่อไหร่ก็ตามที่ขายได้ก็หมายถึงท่านได้รับประโยชน์หรือมีรายได้เพิ่มขึ้น เราจึงอาจกล่าวได้ว่า "การขายได้คือความสำเร็จ" ดังนั้นหากต้องการความสำเร็จแทนที่ท่านจะกลัวการขายถึงเวลาแล้วหรือยังครับที่ท่านควรหันมาสนใจและพัฒนาทักษะและเทคนิคการขายกันอย่างจริงๆจังๆ เพื่อความก้าวหน้าในชีวิตของท่าน สำหรับนักธุรกิจเครือข่ายระดับผู้นำท่านก็ควรให้ความสนใจพัฒนาทักษะในเรื่องของการขายของทีมงาน ,
สำหรับผู้ประกอบการก็ควรกระตุ้นให้สมาชิกตื่นตัวในเรื่องนี้ และจัดกิจกรรมต่างๆให้สอดรับกับการขายของสมาชิก โลกนี้มีให้เลือกแค่สองบทบาท หากท่านไม่เป็นผู้ขายท่านก็ต้องเป็นผู้ซื้อครับ (แม้ขณะนี้จะมีเริ่มมีการใช้คำพูดที่น่าสนใจว่า "ผู้ซื้อกึ่งผู้ขาย" กันบ้างแล้วแต่หากท่านคิดตามผมมาโดยตลอดท่านก็จะพบว่าจริงๆแล้วทุกอย่างมันมีบทสรุปเดียวกันครับ) ขอให้ทุกท่านโชคดีแล้วเจอกันใหม่โอกาสหน้าครับ
ไอยรา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หลังจากอ่านบทความนี้แล้ว คุณมีอะไรจะกล่่าวเสริมหรือบอกเล่าอะไรสักนิดไหมครับ?