17 มกราคม 2553

ขายตรงแจกเบนซ์ แค่?กองทุนรถยนต์

ไม่นานมานี้...สกู๊ปหน้า1 นำเสนอธุรกิจขายตรงด้านมืดในชื่อตอน "ขายตรงฝุ่นตลบ ล่อใจ! แจกเบนซ์" แม้ไม่เอ่ยนามบริษัท แต่ก็มีหลายบริษัทใช้แผนการตลาดที่เข้าข่าย

ผู้บริหารบริษัทเอเจล เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ทำหนังสือชี้แจงความกระจ่างถึงสกู๊ปหน้า 1 เกริ่นนำว่า...ต้องขอขอบคุณในความกรุณา ที่ให้ความสนใจในความถูกต้องของธุรกิจขายตรงต่างๆ แต่ประเด็นข่าวบางประการมีความใกล้เคียงกับข้อมูลของบริษัทฯ เพื่อภาพลักษณ์ที่ดี จึงใคร่ขออธิบายถึงรูปแบบการประกอบการของบริษัท ลักษณะของสินค้า และแผนรายรับอย่างถูกต้อง ดังต่อไปนี้

ด้วยนวัตกรรมความสะดวก สวยงาม และคุณภาพมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ ทำให้อาหารเสริมของบริษัทฯ มีคุณลักษณะเด่น คือ...รสชาติอร่อย รับประทานง่าย ไม่สูญเสียเวลาในการชงดื่ม ไม่ระคายคอแบบในรูปแบบเม็ด, แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร...สดใสเข้ายุคสมัย ผลิตจากธรรมชาติ ผักและผลไม้ ไม่มีสารเคมี ตามแนวโน้มการดูแลร่างกายแบบธรรมชาติบำบัดซึ่งกำลังนิยม, รูปแบบซองทันสมัย เก็บรักษาคุณภาพอาหารได้ดี ตอบรับสโลแกนที่ว่า ฉีกและดูด ประหยัดเวลาในการรับประทาน สินค้าของเรา...ผลิตในประเทศที่น่าเชื่อถือ รัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา การันตีเรื่องมาตรฐาน...มีจำหน่ายกว่า 53 ประเทศทั่วโลก ได้รับ อย. และใบรับรองและอนุญาตให้จำหน่ายได้ในหลายประเทศชั้นนำ

14 มกราคม 2553

ฤาจะร่างกฏออกมาให้..แหก

เมื่อสองวันก่อนผมมีโอกาสได้รู้จักชาวต่างชาติท่านหนึ่ง มาอยู่เมืองไทยกว่า 20 ปีแล้ว ท่านผู้นี้มาทำธุรกิจในประเทศไทย และกำลังจะซื้อที่ดินเป็นหลัักร้อยไร่เพื่อสร้างโรงงานผลิตสินค้าในประเทศไทย ท่านเล่าว่าเมื่อท่านจะโอนที่ดินเข้าเป็นกรรมสิทธิ์ปรากฏว่ามีปัญหาครับ เจ้าหน้าที่ไม่รองการโอนสิทธิ์ด้วยเหตุว่าขัดต่อระเบียบการดำเนินการ ถามไปถามมาก็ได้ความว่า เกรงว่าจะเป็นกรณีคนต่างชาิติเปิดบริษัทในไทยเพื่อซื้อที่ดินไทย ประมาณว่าใช้บริษัทเป็นนอมินีนั่นแหละครับ ท่านผู้นี้ท่านได้ให้ข้อมูลเจ้าหน้าที่เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจไปว่า ท่านเปิดบริษัททำธุรกิจมาร่วม 20 ปีแล้วจะเป็นนอมินีมาเพื่อการซื้อที่ดินในวันนี้กระนั้นหรือ และได้สอบถามต่อว่าจะมีหนทางใดบ้างนอกจากจะต้องให้โอนเป็นชื่อบุคคลอื่น คำตอบก็คือ อาจทำได้โดยการเปลี่ยนชื่อกรรมการผู้จัดการไปเป็นคนไทยก่อน หลังจากโอนเสร็จเรียบร้อยค่อยเปลี่ยนคืน

เอาละครับเรื่องราวจะจบลงอย่างไร ขอให้เป็นเรื่องส่วนบุคคลครับ แต่ที่ผมยกมาเล่าในเรื่องนี้ก็เพราะว่าผมเกิดคำถามครับว่า หากราชการเราจะเจ้าระเบียบกันนัก ออกระเบียบมาเพื่อจะกีดกันไม่ให้ชาวต่างชาติถือครองสิทธิ์ในที่ดินของไทย เจ้าหน้าที่ในบ้านเมืองเราคิดทำกันได้เพียงเท่านี้หรือ แล้วไม่คิดบ้างหรือครับว่าทางแก้แบบหญ้าปากคอกแบบนี้ชาวต่างชาติเขาก็คิดออกไม่ต้องรอให้เจ้าหน้าที่บอกด้วยซ้ำ และชวนให้คิดต่อว่า หากเรากำหนดเงื่อนไขแล้วมันใช้ไม่ได้ผลเราจะกำหนดไปให้อายคนต่างชาติเขาทำไมกันเล่าครับ ท่านที่ออกระเบียบท่านรู้ไหมครับว่า เมื่อใดก็ตามที่เขาคิดหาทางออกของเรื่องนี้ได้นั้น น่าสงสารมากเพราะเขาต้องได้รับความทุกข์ทรมานด้วยอาการแข็งเกร็งที่หน้าท้องหลังจากเสร็จสิ้นการหัวเราะดังๆอย่างเย้ยหยัน สำหรับผมขอถอนหายใจไว้อาลัยกับเรื่องนี้สักครู่

ผมขอเสริมอีกนิดครับ ในฐานะที่มักถูกมอบหมายให้มีบทบาทเกี่ยวกับการกำหนดกฏระเบียบอยู่เนืองๆในชีวิตการทำงาน เรื่องของกฏที่มีไว้ให้แหกนั้น เป็นเรื่องที่เราไม่ต้องการให้เกิด เจตนาของการร่่างกฏระเบียบออกมาก็เพื่อควบคุมไม่ให้เกิดความวุ่นวายในหมู่คณะหรือบ้านเมือง แต่เมื่อใดก็ตามที่ร่างกฏระเบียบควรพิจารณาให้เห็นตามจริงว่า ระหว่างบุคคล 2 ประเภทคือ
1.ผู้คนที่ทำตามระบบอย่างปกติสามัญ (เช่นในกิจการของท่านอาจหมายถึงคนใช้บริการจริง ลูกค้า)
2.ผู้คนที่คาดว่าจะมาก่อความวุ่นวาย และเราอยากควบคุม
พิจารณาดูจะเห็นว่า กฏระเบียบที่เราจะนำมาใช้หากสร้างความวุ่นวายให้คนทั้งสองกลุ่มพอๆกัน หรือสร้างความวุ่นวายให้กับคนที่ใช้ระบบตามปกติมากกว่า (อย่าลืมว่าคนที่ตั้งใจมาก่อความวุ่นวายนั้นพร้อมจะซิกแซก แหกระเบียบอยู่แล้ว และอาจไม่วุ่นวายนักกับการสร้างเอกสารเท็จ) ท่านจะพบคำตอบได้ไม่ยากว่าจะปรับแก้ระเบียบของท่านใหม่ หรือจะประกาศใช้ได้อย่างมั่นใจ

ขอบคุณที่ติดตามครับ

11 มกราคม 2553

ขายตรงฝุ่นตลบล่อใจ!แจกเบนซ์


จะเรียกว่า...ธุรกิจขายตรงด้านมืดก็คงไม่แปลก สถานการณ์ ล่าช่วงเศรษฐกิจประเทศกำลังอยู่ในสภาวะซบเซาเหงาหงอยโงหัวไม่ขึ้น ธุรกิจขายตรงพันทางก็เหมือนมีน้ำเชื้อชั้นดี พุ่งเป้าไล่ล่าสมาชิก ให้มาระดมเงินระดมทุน เหยื่อชั้นดี คือผู้ที่มีความโลภ ไม่อยากเหนื่อย แต่อยากได้เงินมากๆในช่วงสั้นๆ

ข้อมูล สถานการณ์ตลาดขายตรงในเมืองไทย พบว่า ธุรกิจขายตรงหรือ ธุรกิจเครือข่ายวันนี้ มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง...หลายบริษัทจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสำหรับ เพิ่มยอดจำหน่าย โดยอาศัยช่องทางธุรกิจขายตรงเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ ใช้แผนการตลาดแบบจ่ายผลตอบแทน กระตุ้นให้ประชาชนที่สนใจในธุรกิจ เกิดความรู้สึกตื่นเต้นกับรายได้ที่มากมายเกินจริง คำชักชวนที่มีในแผนการตลาด อาทิ ท่านสามารถมีรายได้เดือนละ 980,000 บาท...ในเดือนแรกที่เข้ามาทำ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าจะมีรายได้ถึงเดือนละ 180,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ...แถมยังได้ขับเบนซ์อีกด้วย

บริษัทที่ใช้แผนการตลาดแบบนี้ ไม่ใช่ว่าใช้อย่างปกปิด บอกต่อกันแบบปากต่อปาก...แต่หลายบริษัทโฆษณาผ่านสื่ออย่างเปิดเผย อย่าให้ต้องฟันธงไปว่าสื่ออะไร? นิตยสาร...หนังสือพิมพ์ รายเดือนหรือรายปักษ์ ผู้มีประสบการณ์ด้านการตลาดธุรกิจขายตรงประสบการณ์กว่า 20 ปี ยกตัวอย่าง ธุรกิจขายตรงพันทางแห่งหนึ่ง มีแผนธุรกิจ 3 รูปแบบ
แบบแรก...เริ่มธุรกิจแบบเร่งด่วน จ่ายเงิน 5,000 บาท รับสินค้า 2 กล่อง
แบบที่สอง...เริ่มธุรกิจแบบส่วนตัว จ่ายเงิน 10,000 บาท รับสินค้า 4 กล่อง
แบบที่สาม...เริ่มธุรกิจแบบผู้บริหาร นักธุรกิจ จ่ายเงิน 40,000 บาท รับสินค้า 16 กล่อง

"ใคร จะเริ่มธุรกิจแบบไหน ไม่มีใครบังคับใคร แต่บริษัทจะมีจุดโน้มน้าวให้เพื่อนสมาชิกผู้ทรงเกียรติทั้งหลายเลือกแผน ธุรกิจแบบที่สาม ด้วยเหตุผลสำคัญที่คนฟังต้องใจเต้น" "คุณจะมีรายได้อย่างรวดเร็ว..." "คุณจะมีรายได้...มหาศาล ไร้ขีดจำกัด" สมาชิก ท่านใดที่ใส่ใจ ชักความรู้สึกกลับมาได้สักนิดอาจคิดได้ว่า...จะมีรายได้ขนาดนั้น สินค้าที่จะเอาไปขาย ทำธุรกิจให้งอกงามได้นั้นมีอะไรบ้าง เป็นสินค้าที่ทำตลาดง่าย มีผู้คนซื้อใช้ได้สักกี่มากน้อย นั่นหมาย ถึงว่า การทำธุรกิจกับบริษัทจะเติบโตไปได้นั้นก็ต้องมีรายได้มาจากการขายสินค้า ไม่ใช่ว่าพุ่งเป้าแต่หาสมาชิกมาต่อขา ระดมทุน ขนเงินเข้าบริษัทอย่างเดียว

ข้อสงสัยเกี่ยวกับสินค้า ถึงจะมีคนตั้งคำถาม แต่ก็มักจะถูกนักพูดของบริษัทชักจูงให้ไขว้เขว... เริ่มต้นด้วยการโอ้อวดสรรพคุณเกินจริง ผลิตภัณฑ์ของเราสามารถสร้างเซลล์ใหม่ให้อวัยวะสำคัญ เช่น หัวใจ สมอง ตับ ไต...พร้อมทั้งยังดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้อย่างรวดเร็วภายใน 3-20 นาที ประเด็นโฆษณาเกินจริงสำหรับธุรกิจขายตรงนั้นมีมานานมากแล้ว ตั้งแต่ตำนานเตียงแม่เหล็กรักษาสารพัดโรคร้าย อาหารเสริมรักษามะเร็ง... เอดส์ สารพัดวิธีที่จะนำมาใช้ในการชักจูงให้ผู้บริโภคหลงตกเป็นเหยื่อ ไม่น้อย...เหยื่อที่ว่านี้ก็คือ ผู้ป่วยที่เป็นโรคร้าย สูญทั้งเงิน...เสียทั้งชีวิต โดยที่ยังมีความหวังจากสรรพคุณสารพัดอาหารเสริม จากนักขายไร้จรรยาบรรณ... สารพัดบริษัท

กรณีโฆษณาเกินจริง หากจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน แบบคาดคั้นกันจนถึงกระดูก รับรองว่าไม่มีใครยอมรับ ที่ต้องจับตาคือ แผนการระดมทุน โดยเฉพาะการมอบรายได้ลักษณะกองทุนรถยนต์ มอบกันแบบผ่อนดาวน์ บริษัท จะเป็นผู้ดาวน์รถยนต์ให้พร้อมกับผ่อนชำระให้เดือนละ 15,000 บาท แต่ทั้งนี้ผู้ครอบครองจำเป็นต้องอยู่ในเงื่อนไข มียอดสะสมคะแนนอยู่ที่ 14,000 คะแนนต่อเดือน...ยอดในทีมประมาณ 50,000 บาท บางบริษัท มีลีลาระดมทุนหลบเลี่ยงมากกว่า แถมมีการโหมประชาสัมพันธ์ ผ่านสื่อในแง่ของการสร้างความน่าเชื่อถือ ความมั่นคงของบริษัทให้ดูดีสุดๆ

บริษัทหนึ่ง...แถลงว่าปี 2551 มียอดขาย 398 ล้านบาท...ปี 2552 คาดว่าจะมียอดขาย 2,000 ล้านบาท และในปี 2553 ตั้งเป้าแบบสะท้านวงการธุรกิจขายตรงเมืองไทย เอาไว้สูงถึง 15,000 ล้านบาท ผู้มีประสบการณ์ด้านการตลาดธุรกิจขายตรง ตั้งข้อสังเกตว่า...ถ้าทำได้จริงก็ถือเป็นแง่ดีที่ธุรกิจขายตรงใหญ่ยักษ์ขนาดนี้จะมากระตุ้นเศรษฐกิจประเทศไทย แต่ปัญหามีว่า...หากสืบค้นข้อมูลจากกรมสรรพากร จะพบข้อมูลที่สวนทางกันจนน่าตกใจ บริษัทเหล่านี้แจ้งบัญชีขาดทุน...เพื่อหลบเลี่ยงภาษี "น่าเสียใจกับ...บรรดาสมาชิกผู้ทรงเกียรติ ที่หลงคารมเป็นเหยื่อบริษัทขายตรงพันทางแบบนี้"

หาก ยังจำกันได้ แชร์ข้าวสาร...อีซี่ก็ยืนยันขันแข็งว่าเป็นธุรกิจขายตรง แต่ก็ไม่ได้ขายสินค้ากันจริงๆ ตั้งแผนการตลาดแค่หวังระดมเงิน ระดมทุน...เอากำไรแบบสั้นๆเท่านั้น ย้อนไปก่อนหน้านี้ก็มีตำนานอภิมหาแชร์รถยนต์ ที่บริษัทชื่อดังเป็นเจ้าของ มีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมายืนแจกรถยนต์ให้กับสมาชิกผู้ทรงเกียรติ...แล้วเป็นยังไง ผลสุดท้าย...แชร์รถยนต์ก็ล้มไม่เป็นท่า ถึงวันนี้ผู้เสียหายได้รับการเยียวยาไปมากน้อยแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ บริษัทขายตรงแจกรถยนต์ ใช้แผนการตลาด...ออโตรัน ลงทุน 1 ขา...18,000 บาท นับจากวันสมัคร...รอไม่เกิน 1 ปี หากหาสายงานได้ครบตามแผน จะได้ รับรถยนต์เป็นวงเงิน 1,100,000 บาท

เป็นแผนการตลาดที่เรียกลูกค้าบ่าไหลเป็นเหยื่อ ว่ากันว่าไม่ต่ำกว่า วันละนับสิบล้านรหัส แผนออโตรัน...เป็นอย่างไร มีรูปร่างหน้าตา มีโครงข่ายโยงใยเป็นแชร์ ลูกโซ่หรือไม่ ก่อนอื่น...ให้นึกถึงภาพพีระมิด ยอดแหลม...ฐานใหญ่ ดูกันต่อไป...เครือข่ายพีระมิดวงนี้จะสร้างสมาชิกให้เป็นเครือข่ายร่วมด้วยช่วยกันรวย หรือร่วมด้วยช่วยกันซวย?

เริ่ม สมาชิกคนแรก...ขาแรก อยู่ยอดบนสุดพีระมิด ลงทุน 18,000 บาท...จะหาหรือรอให้มีสมาชิกเข้ามารองฐานครบตามแผนออโตรันก็ได้ จนครบ 3 ชั้น...ชั้นแรก...ชั้นรองจากยอดพีระมิด ตามแผนการตลาดออโตรันต้องต่อสมาชิกให้ครบ 6 คน หรือ 6 ขา...ค่าสมัครขาละ 18,000 บาท เป็นเงิน 108,000 บาท ชั้นที่ 2...สมาชิกชั้นแรกแต่ละขา ต้องแยกย้ายไปหาสมาชิกให้ได้ขาละ 6 ขา หรือถ้าไม่หา ระบบออโตรันก็ยังเอื้ออำนวยโอกาสความร่ำรวย ด้วยการจัดยัดสมาชิกที่สมัครเข้ามาที่หลัง ต่อเข้าฐานพีระมิดแบบอัตโนมัติ จนครบจำนวนขา

นี่ คือข้อที่เชื่อว่าดี...ของแผนออโตรัน...สมาชิกขาต้นๆ ชั้นแรกๆ แทบไม่ต้องทำอะไร...นอนเฉยๆ ก็มั่นใจว่า บริษัทก็ต้องแจกรถยนต์เอาเงิน 1.1 ล้านบาท ใส่พานให้อยู่ดี ยอดสมาชิกเต็มชั้นที่ 2...จากชั้นแรก 6 ขา ขาละ 6 คน ทั้งหมด 36 คน รวมเป็นเงิน 648,000 บาท ผ่านมาถึงพีระมิดชั้น 2 ได้แล้ว สมาชิกขาแรกบนสุดยอดพีระมิดใกล้จะได้รถยนต์เต็มแก่...แต่ต้องรอให้พีระมิด ชั้น 3 ยอดเต็มเสียก่อน สมาชิกชั้น 3 จะเต็มก็ต่อเมื่อสมาชิกชั้น 2 ทั้ง 36 ขา ไปหาสมาชิกหรือรอให้ระบบออโตรันจัดสรรสมาชิกจนครบอีกขาละ 6 คน...กว่าฐานพีระมิดชั้น 3 จะครบ...บริษัทจะมีสมาชิกเพิ่มอีก 216 คน ได้เงินเพิ่มอีก 3,888,000 บาท ถึงขั้นนี้แล้ว สมาชิกขาบนยอดพีระมิดจะได้รับรถยนต์ 1.1 ล้านบาท... บริษัทเพิ่งมีรายจ่าย ถ้าถามถึงรายรับ...บริษัทมีสมาชิก 259 ขา มีรายรับ 4,662,000 บาท บริษัทจ่ายไป 1.1 ล้าน ยังเหลือกำไรเข้ากระเป๋าอีก 3.56 ล้านบาท แผนการตลาดแบบออโตรัน...ไม่ธรรมดาจริงๆ

บริษัท ระดมเงิน จ่ายแจกรถยนต์ให้สมาชิกชั้น 1 ชั้น 2 ไม่มีปัญหา แต่พอมาถึงสมาชิกชั้นถัดไปที่มีมากขึ้น จะมีวิธีบริหารเงินอย่างไร นอกเสียจากหมุนเงิน...จนหมุนไม่ได้ เมื่อหมุนไม่ได้ เงินไม่มีก็ไม่จ่าย บริษัทก็ต้องปิด...เจ้าของบริษัทตัวจริงก็หอบเงินหนี สุดท้ายผู้ที่หลงเอาเงินไปต่อหางแถว ต้องถูกลอยแพไปตามๆกัน.

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ.2553