พบกันอีกครั้งกับคอลัมน์ System Focus ที่ยังนำความรู้ในธุรกิจเครือข่ายเชิงระบบมานำเสนออีกเช่นเคยครับ ขณะนี้เรายังคุยกันอยู่ในเรื่องของแผนการตลาด และคุยกันอยู่ในเรื่องของแผนการตลาดไบนารี่ ที่ค่อนข้างจะมีเทคนิคต่างๆมากมายที่นำเอามาปรับใช้กันจึงเขียนเล่ากันมาหลายตอนแล้วครับ หากท่านพลาดเนื้อหาตอนไหนสามารถติดตามอ่านย้อนหลังได้ที่ http://www.taladvikrao.com หรือ http://iyaraplanet.blogspot.com นะครับ
แผน Binary (6) : รายได้จากการบริโภคซ้ำ
ในบรรดาบริษัทฯ ที่ประกอบธุรกิจลักษณะธุรกิ จเครือข่าย ที่เลือกใช้แผนระบบ Binary มาประกอบเป็นแผนการตลาด (แผนปันผลตอบแทน) ของตนนั้น มักจะต้องเตรียมคิดไว้ก่อนแล้ วว่า อะไรคือสิ่งที่จะต้องดำเนิ นการต่อหลังจากนั้น เพื่อให้เกิดการบริโภคซ้ำ ตรงนี้ท่านลองคิดดูง่ายๆครับว่า หากท่านเปิดร้านอะไรสักอย่าง แล้วมีแต่ลูกค้ารายใหม่เข้ ามาใช้บริการทุกวัน แต่เมื่อเขาใช้บริการไปแล้วก็ ไม่เคยกลับมาใช้บริการอีกเลย มันจะดูแปลกๆไหมครับ และประเด็นนี้แหละครับที่ เราจะคุยกันในครั้งนี้ เพราะเรื่องแผนไบนารี่ที่เราคุ ยกันมาหลายๆตอนนี่ จะเห็นว่าในแผนระบบไบนารี่แบบที ่ไม่ผสมกับแผนอื่นๆเลยนั้น จะไม่มีส่วนไหนที่ระบุที่ มาของโบนัสที่มาจากการบริโภคซ้ ำเลย ทำให้ในความเป็นจริงเราก็ จะเจอว่ามีสมาชิกผู้ดำเนินธุรกิ จหลายรายมาเปิดรหัสสมาชิกซ้ำซ้ อนเพื่อบริโภคสินค้ าในฐานะของสมาชิกรายใหม่ และเมื่อสมัครหลายๆรหัสโดยมุ่ งหวังเพียงโบนัสมากเข้าก็จะ “ขาดความเป็นธรรมชาติ” และอาจเริ่ม “กลายพันธุ์” มีพฤติกรรมเล่นแร่แปรธาตุ แบบนี้ภาษาในวงการเขาก็เรียกกั นว่า “แพคโค๊ต” (pack code) หรือเรียงโค๊ต ซึ่งสร้างผลเสียให้เกิดกั บวงจรธุรกิจเครือข่ายได้ มากมายอย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพลักษณ์ ของธุรกิจ โดยกลุ่มคนเหล่านี้ จะคำนวณยอดจำหน่ายและยอดโบนัสก่ อนส่งยอดเข้าบริษัทฯมาเป็นที่ เรียบร้อย โดยมีเป้าหมายเป็นโบนัสในรหั สสมาชิกของตนเองและพวกพ้อง และไม่ได้สนใจรหัสสมาชิกใต้ล่าง ไม่ได้สนใจบริโภคสินค้าอย่างจริ งๆจังๆ ในที่สุดสินค้าที่ซื้อมาพร้อมกั บการสมัครสมาชิกที่หวังเพี ยงรายได้จึงถูกจัดจำหน่ายต่ อในราคาที่ถูกอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งเรามักเรียกกันว่า “ขายตัดราคา” เมื่อธุรกิจขาดความเป็นธรรมชาติ และทำให้สมาชิกใต้ล่ างขาดผลประโยชน์ หรือได้ผลประโยชน์ช้ากว่ ากำหนดก็จะเกิดผลกระทบในวงกว้าง และเมื่อสินค้าถูกขายตัดราคานี่ แหละครับก็จะส่งผลให้ผู้จำหน่ ายอื่นๆ รวมทั้งภาพลักษณ์ของธุรกิจเกิ ดปัญหา เรียกว่าเกิดผลกระทบในวงกว้ างครับ แต่ทั้งนี้ต้องบอกว่าปัจจัยใหญ่ ๆของปัญหานี้ เกิดมาจากสมาชิกใต้ล่างองค์กร ขาดความกระตือรือร้นในการเรี ยนรู้ หรือขาดความรู้ในการทำงาน จึงได้ฝากหน้าที่ให้กับผู้นำหรื อ อัพไลน์ เป็นดูแลแทนนั่นเองครับ และเปิดโอกาสให้เกิดการแพคโค๊ ตดังกล่าว เรื่องนี้เล่าไปก็จะยาว ผมว่าเราอาจมาคุยกันเรื่ องของการแพคโค๊ตกันอีกครั้งเมื่ อมีโอกาสครับ เพราะจริงๆเรื่องนี้ก็เป็นเรื่ องที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่ งของคนทำธุรกิจเครือข่ายครับ เพียงแต่ต้องขอเวลาไตร่ตรองสั กหน่อยว่าจะนำเสนอในมุมไหน มากน้อยเพียงใดครับ
กลับมาเรื่องของการบริ โภคซ้ำกันต่อนะครับ เนื่องจาก แผนระบบไบนารี่นั้นเดิมทีจะไม่ มีโบนัสสำหรับการบริโภคซ้ำ จึง ไม่ดึงดูดใจให้ผู้บริโภคซึ่งเป็ นสมาชิกของบริษัทฯนั้นๆ อยู่แล้วให้หวนกลับมาใช้บริ การหรือบริโภคสินค้าซ้ำหลั งจากที่ใช้ผลิตภัณฑ์หมดลง แต่กลับมีแรงดึงดูดมากกว่ าในการสรรหาสมาชิกใหม่แทน สมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่บริษัทฯก็ยังไม่มั่นคง แบบนี้ผู้ประกอบการจะมั่นคงได้ อย่างไรล่ะครับ แถมยังต้องมีภาระกับการจ่ายโบนั สให้กับผู้เป็นอัพไลน์สูงขึ้ นไปไม่จำกัดจำนวนชั้นอีกด้วย ทางแก้ก็คือต้องแก้ที่ แผนการตลาดครับเพราะว่า พฤติกรรมผู้ร่วมธุรกิจอิสระ มองธุรกิจเครือข่ายในฐานะอาชี พดังนั้นสิ่งที่คาดหวังก็คื อรายได้ครับ รายได้เทไปทางไหนก็จะทำพฤติ กรรมให้สอดคล้อง เมื่อรายได้หรือโบนัสถู กกำหนดโดยแผนการตลาด เราอยากให้เขาแสดงพฤติ กรรมแบบไหนก็ต้องกำหนดไว้ ในแผนการตลาดครับ เรื่องการปรับแผนจึงเป็นเรื่ องที่ลึกซึ้งมากๆครับ สำหรับเรื่องที่เรากำลังคุยกั นอยู่นี้ก็ต้องแก้โดย กำหนดให้มีแผนการตลาดส่วนที่ สองเข้ามารองรับหรือดึงดูดใจให้ กลับมาบริโภคซ้ำ โดยอาจเลือกนำแผนการตลาดระบบ Stair Step หรือระบบ Uni-Level เข้ามาใช้ซึ่ งจะสะสมคะแนนจากการบริโภคซ้ ำของตนเองและสมาชิกในองค์ กรเอาไว้แล้วจ่ายให้เป็นโบนัสอี กรอบซึ่งนิยมจ่ายเป็นรายเดื อนหรือรายสัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณโบนั สที่เหมาะสมและสร้างความน่ าสนใจได้ นอกจากนี้อาจขึ้นอยู่กั บความสะดวกในการจัดการอีกด้ วยครับ ทั้งนี้ประเด็นสำคัญก็น่าจะอยู่ ที่การส่งผ่านความสำเร็ จของแผนการตลาด จากแผนส่วนแรก ไปหาแผนส่วนหลัง กล่าวคือ เมื่อสมาชิกสามารถสร้างรายได้ จากแผนส่วนแรกได้พอสมควรแล้ว เพื่อให้แผนส่วนหลังเป็นจริงคื อมีโบนัสได้จริงๆ ก็จะต้องมีการจูงใจ สนับสนุน หรือผลักดันให้มีการซื้อซ้ำเกิ ดขึ้นจริงๆ เช่น จ่ายโบนัสบางส่วนจากแผนส่ วนแรกให้เป็นส่วนลด (บางครั้งอาจเรียกติดปากว่าคู ปอง) ให้นำไปใช้ซื้อผลิตภัณฑ์ของบริ ษัทได้มากน้อยตามมูลค่ าความสำเร็จจากแผนส่วนแรก เป็นต้น
ดังนั้นปัจจุบันเราจึงมั กจะพบว่าเมื่อมีแผนส่วนหน้าเป็ นระบบไบนารี่แล้ว ยังมักจะมีส่วนผสมเป็ นแผนการตลาดระบบอื่นๆเข้ามาช่วย เพื่อให้เกิดแรงจูงใจในการซื้ อซ้ำ และแม้บางแผนจะไม่ พยายามเอาระบบอื่นเข้ามาปะปน ก็จะมีเงื่อนไขจูงใจแกมบังคั บให้ต้อง “ซื้อซ้ำ” หรือจะเรียกว่า “รักษายอด” เพื่อให้มีคุณสมบัติที่ จะสามารถรับรายได้ จากแผนระบบไบนารี่นั้นได้ในเดื อนถัดไป หากพลาดการรักษายอดก็อาจจะเสี ยสิทธิ์อะไรบางอย่างไป เช่นนี้ก็เป็นวิธีที่ใช้ได้ ผลอยู่เหมือนกันครับ
แหม!! จะว่าไปแล้วบทความช่วงนี้จะค่ อนข้างเป็นข้อมูลทางฝั่งผู้ ประกอบการเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็อาจมีส่วนเติมเต็มแนวคิ ดสำหรับท่านผู้นำที่กำลังคิ ดจะเดินเข้าสู่เส้นทางของผู้ ประกอบการธุรกิจขายตรง และเป็นข้อมูลสำหรับบุคคลทั่ วไปให้ได้เข้าใจธุรกิ จขายตรงในแง่มุมที่ชัดเจนมากขึ้ น ตัดสินใจว่าควรหรือไม่ควรเข้าสู ่ธุรกิจได้บนพื้นฐานของข้อมูลที ่ถูกต้อง ซึ่งผมหวังว่าคอลัมน์นี้ จะเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันเบาๆ ในการให้ความรู้สู่บุคคลทั่ วไปได้มองเห็นภาพของธุรกิจเครื อข่ายชัดเจนขึ้น ผู้คนทั่วไปได้รับความรู้เพี ยงพอที่จะตัดสินใจเลือกธุรกิ จเครือข่ายในฝันที่ถูกต้อง เหมาะสมได้ด้วยตัวเอง ธุรกิจเครือข่ายจะสวยสดงดงามขึ้ นในสายตาของคนทั่วไป และกลุ่มแชร์ลูกโซ่ , ธุรกิจลวงโลกต่างๆ ก็จะทำงานได้ยากขึ้นๆ จนกระทั่งหมดสิ้นไปเองอย่างถาวร ด้วยกลไกสังคมที่เริ่มมีภูมิต้ านทานทางปัญญาที่ดีขึ้นนั่นเอง ซึ่งผมว่าน่าจะได้ผลมากกว่ าการใช้กลไกทางภาครัฐเข้ามาจั ดการจริงไหมครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หลังจากอ่านบทความนี้แล้ว คุณมีอะไรจะกล่่าวเสริมหรือบอกเล่าอะไรสักนิดไหมครับ?